ต่อเรื่องเรียนรู้ใช้ทักษะ มองเห็น-ได้ยิน-จับพวงมาลัย-วางเท้า ถูกวิธี ลดเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ในจุลสารลด หยุด ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำเดือนธันวาคม
ในการขับรถผู้ขับขี่อาจประสบปัญหาแสงส่องเข้าตา ทำให้ตาพร่ามัว ทั้งแสงอาทิตย์ แสงไฟจากรถคันอื่น หรือแสงสะท้อนจากโลหะข้างถนนและเครื่องประดับรถ เมื่อประสบปัญหาดังกล่าว ผู้ขับขี่ควรเลี่ยงไปมองทางอื่นชั่วขณะ โดยยึดเส้นขอบถนนเป็นแนวในการขับรถ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญ ควรเลี่ยงการตกแต่งรถด้วยโลหะสะท้อนแสง เพื่อป้องกันแสงสะท้อนเข้าตาผู้ใช้เส้นทางอื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาและผู้สูงอายุควรเลี่ยงการขับรถด้วยตนเอง โดยเฉพาะในช่วงทัศนวิสัยไม่ดี เช่น หมอกลงจัด ฝนตกหนัก ช่วงเวลาโพล้เพล้ ช่วงกลางคืน เพราะสายตาจะปรับสภาพไม่ทัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ข้อควรระวัง ไม่ควรนำกระจกเลนส์นูนมาติดบนกระจกมองข้าง เพราะจะทำให้มองเห็นภาพไกลจากระยะจริง ทำให้เกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัย ควรใช้กระจกมองข้างที่มากับรถซึ่งผู้ผลิตออกแบบให้มองเห็นเส้นทางอย่างชัดเจน
เพิ่มความระมัดระวังอุบัติเหตุจากจุดบอดในการมองเห็น ได้แก่ บริเวณที่กระจกมองข้างส่องไม่เห็นวัตถุที่อยู่ในแนวหรือระนาบเดียวกัน โดยก่อนเปลี่ยนช่องทางหรือเลี้ยวรถ ผู้ขับขี่ควรมองกระจกมองข้างและมองข้ามหัวไหล่ไปดูด้านข้างของรถด้วย ป้องกันอุบัติเหตุจากรถที่ขับตีคู่มา
ไม่ประกอบกิจกรรมอื่นที่ทำให้ต้องละสายตาจากการมองเส้นทาง เช่น กดหมายเลขโทรศัพท์ ส่งข้อความ แชตไลน์ ดูโทรทัศน์ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถหยุดรถได้ทัน
มุมและขอบเขตในการมองเห็นของสายตาแตกต่างกันตามระดับการเคลื่อนที่ โดยขณะอยู่กับที่สายตาจะมองเห็นในมุมกว้าง 120-160 องศา แต่ความเร็วในการขับรถจะทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
การขับรถด้วยความเร็วสูงส่งผลต่อการมองเห็นของผู้ขับขี่ ทำให้มุมในการมองเห็นลดลง อีกทั้งความคมชัดและความชัดเจนของภาพที่ผู้ขับขี่มองเห็นจะยิ่งน้อยลง โดยมองเห็นเฉพาะด้านท้ายของรถคันหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ขับขี่ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจึงไม่สามารถหยุดรถได้ทัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น